เมื่อก่อนเป็นคนที่ไฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะต้องมีบ้านมีสวนที่ร่มรื่นเอาไว้เป็นของตัวเอง ตอนนี้ก็เกือบสำเร็จแล้วครับกำลังหาข้อมูลจากเพื่อนๆในเวปนี้อยู่คิดว่าได้อะไรเยอะแยะมากมายเลยครับ
เมื่อก่อนเป็นคนที่ไฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะต้องมีบ้านมีสวนที่ร่มรื่นเอาไว้เป็นของตัวเอง ตอนนี้ก็เกือบสำเร็จแล้วครับกำลังหาข้อมูลจากเพื่อนๆในเวปนี้อยู่คิดว่าได้อะไรเยอะแยะมากมายเลยครับ
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ขอพาชมสวนนอกบ้านสักวัน คิดว่าพาไปดูงานก็แล้วกัน เพื่อว่ามีอะไรดีๆ ที่พอจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนสมาชิก ได้นำไปเปรียบเทียบใช้กับตัวเองหรือในหน่วยงานได้อย่างเหมาะสม อาจจะเกี่ยวข้องทั้งทางเทคนิค พันธุ์ไม้ แนวคิด และเคล็ดลับต่างๆในการปลูกพืช ผักสวนครัว ในท่อซีเมนต์ ในยางรถ ในพื้นที่จำกัด รอบๆบริเวณบ้านหรือสำนักงาน มาฝากให้ชมกัน ข้อมูล:คุณอุทิศเจ้าของบ้าน ทำงานประจำเหมือนกับผม บ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก มีเวลาแค่วันหยุดเหมือนกัน ได้สรรสร้างผลงานดีๆ น่าเอาแบบอย่างหลายๆอย่าง มีอะไรที่น่าชมบ้างตามผมมาเลยครับ
ณ บริเวณหน้าบ้าน
น้องเก้ชอบมาก ปลูกในยางรถ อยู่ในโครงการที่ทำงาน ซื้อพันธุ์ดาวเรืองมาจากตลาดแล้วด้วย ขอก่อนรูปนึงแล้วค่อยชมต่อ อิอิ
คราวนี้มาชมกันต่อตามใจผมก็แล้วกันนะ...มะนาวในโอ่ง ลูกดกมาก
ให้ชมพลางๆ... หมายเหตุ..กำลังเขียนอยู่ ฝนกำลังมา ฟ้าครืนๆ เกรงไฟดับ ฟ้าเข้า ค่อยมาต่อนะครับ
มันจริงๆนะจะบอกให้...
สวัสดีครับทุกท่าน หลังจากปลูกมันต่างๆhttp://www.bansuanporpeang.com/node/28278ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา วันนี้เอาความคืบหน้ามาให้ชม
เริ่มจากภาพแรกด้านบน ร่องซ้ายมันอ้น ร่องขวามันมือเสือ..ดูแต่มันนะ หญ้าเริ่มรก
มันอ้นทั้งสองชนิด
มันอ้นขนน้อย
มันอ้นขนมาก
ให้ดูใบอ้น เอ้ย ใบมันอ้น เผื่อใครไม่เคยเห็น
มันหอมทั้งสีม่วงสีขาว
ให้ดูใบอีกแหละ แต่เอ๊...มีนกมาทำรังด้วย
ค้างซ้ายมันพร้าว กับมันอะไรไม้รู้หัวยาวๆเปลือกม่วงจากพี่แก่ ส่วนภาพขวามันมือเสืออีกร่อง
ให้ดูแต่มัน ดูมากๆจะหมดมัน ดูประเภทค้างๆกันต่อก็แล้วกัน ถั่วครกเจ้าเก่าปลูกไว้ ๒ ค้าง
กำลังติดดอกติดฝัก
อันนี้ขอค้างเพิ่มมาตั้งนาน ไม่รู้เมื่อไหร่จะจัดให้ซะที ทีลูกก็จะเอา อุตส่าห์ออกมาให้ตั้ง๗ลูกแล้ว ฮึฮึ..
+++++
ปลูกถั่วได้กินถั่ว ปลูกมันได้กินมัน อยากกินอะไรก็ปลูกอันนั้น ปลูกของกินกันนะพี่น้องชาวไทย สวัสดี.
สภาพครังแรกที่ดิฉันได้เข้าไปเป็นเกษตรที่ปรึษาให้ไร่แห่งนี้ โดยสภาพรวม ของดิน จัดว่าแย่เพราะเป็นดินเปรี้ยว และผ่านการใช้สารเคมี จนเกิดภาวะดินตาย หน้าดินตึง ต้องฟื้นฟูอย่างมากมาย
จากการเริ่มนับหนึ่งใหม่และค่อยๆ ปรับปรุงดิน และบำรุงรักษาต้นกล้า และถากถางวัชพืชที่จะมาแย่งสารอาหารต้นไม้
และไม่นำสารเคมีเข้าไร่อีก เลือกที่จะทำน้ำหมักขขึ้นมาใช้เอง จากวัตถุดิบ ที่หาได้รอบๆไร่
จนฟื้นคืนชีพมาชูช่อเขียวขจี พร้อมรอการเด็ดใบอ่อนมาทำชา กฤษณา
ผลผลิตอื่นๆ ก้อเริ่มทยอยตามกันมา..
ตอนนี้ในไร่เริ่มมีแปลงผักเล็กเกิดขึ้นแล้วนะ มีกะหล่ำปี หัวผักกาด ผักคะน้า ผักบุ้งจีน พริก มะเขือเทศ ผักชีลาว ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว มะระจีน กะเจี๊ยบฝัก มะละกอ ผักชีลาว ข้าวโพดหวาน ฟักทอง ผละฟักเขียว...อิอิ สำเร็จแล้วจร้า โอเอซิส กลางทราย
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ขอหอบการบ้านกองใหญ่มาให้ตรวจ มีหลายรายการด้วยกัน คุณครูทั้งหลายอยู่ไหนหนอ นักเรียนมาขอคะแนนสอบผ่าน ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นมาตรวจการบ้านกันเลย แล้วใครจะตรวจให้ผม จะทิ้งกันแล้วเหรอ ? นักเรียนโดนลอยแพ อิอิ.....
รายการแรก... เพาะเม็ดสละอินโดตามยอดสั่ง
แทงหน่อประมาณนี้ก็จับลงถุงได้แล้ว
ผสมดินเตรียมลงถุง
ส่วนน้องเก้เมื่อว่างมือจากงานในบ้านแล้ว ก็ถอนหญ้ากวาดใบไม้ข้างบ้านเป็นประจำ
วักแรกทำแค่นี้ก่อน
วันต่อมา และความคืบหน้า
สับปะรดจากในสวน เก็บรอบสุดท้ายเพื่อเอามาหมัก
เพกาพืชผักตามฤดูกาลมีมาให้กินอีกแล้ว
มะนาวแป้นพิจิตรในปล้องบ่อก็ติดผลหลายลูก
มะอึก จากครูท่านใดจำไม่ได้เหมือนกัน
กระเจี๊ยบมอญแดง
กระเจี๊ยบแดงจากลูกมะโหน่ง
ฟิกส์จากน้อง nuamnim ต้นแรกสูงถึงคอแล้ว ส่วนอีกต้นไม่โต ดังภาพ ต้องย้ายหาที่ลงใหม่
ปิดท้ายกับ มะขามป้อมของฝากจากน้องแมวดำ [thiwagonblackcat] เมื่อคราวเยี่ยมสมาชิกฉะเชิงเทรา ส่วนภาพถัดมาขวามือ ผักติ้วซื้อต้นมาจากคราวเยี่ยมน้องอ้อด(ODD)ที่นครนายก
ครูจะมาตรวจการบ้านหรือไม่... ผมก็ทำหน้าที่ของผมต่อไป...ชมแล้วขอให้มีความสุขนะครับ สวัสดี.
ขอบคุณอีกท่านนึงก็คือ ป้าเล็ก...อุบล ที่ช่วยประสานในการเข้าบ้านหลังนี้ ใครมีเวลาหรือโอกาสมาเที่ยวกาญจนบุรีเชิญแวะเที่ยวชมสวนได้นะครับ
มาช่วยพ่อเก็บมะนาว
ชอบมากหน้าบานตลอดๆ
ค้างคาวดำ
ไผ่ดำอนุรักษ์ให้ได้เยอะๆก่อน
แจก
ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง
วันนี้บรรยายให้ความรู้การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ณ.กาญจนบุรี
กลัวการนั่งหน้า..
โดยการทำเกษตรที่พึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยมากที่สุด ใช้วัตถุดิบที่ทำลายสิ่งแวดล้อมคือก้อนเห็ดเก่ามาทำให้มีคุณค่าเป็นปุ๋ยมูลสัตว์แปรรูป...เวลาน้อยมากเลยได้แค่อย่างเดียว
ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง...
การเรียนรู้สู่สถานศึกษา...ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
การทำคอนโดเลี้ยงกบ
น้ำหมักชีวภาพมะนาวเพิ่อเอามาทำน้ำยาอเนกประสงค์
เลี้ยงไส้เดือนและด้วงกว่าง
สอบถามข้อขัดข้อง
ขอบคุณ...บ้านสวนพอเพียง แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง.......ทำงานงานให้เหมือนเต่าเดิน...แตทำทุกวัน
วันนี้มีนักศึกษามาศึกษาดูงาน
มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง
จดรายละเอียดการทำ
การทำน้ำยาอเนกประสงค์
วิทยาลัยเทคโนโลยีบ้านโป่งบริหารธุรกิจ
ไบโอดีเซล
ไม้เลื้อยและต้นกะสัง
สมุนไพล
มูลสัตว์แปรรูป
ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง....
นักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีบ้านโป่งบริหารธุรกิจ แผนกช่างยนต์และช่างไฟฟ้า มาศึกษาดู
บริหารจัดการขยะ
การผลิตน้ำมันไบโอดีเซล
ผักสมุนไพล(ต้นกะสัง)
การเลี้ยงด้วงกว่างและไส้เดือน
เรือนพยาบาลต้นไม้ป่วย
เก็บเอากลับบ้านตามใจ
นี่แหละที่เรียกว่าการให้ไม่มีวันหมด ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง
หลังจากได้ที่ดินอันเป็นมรดกจากปู่และย่าเมื่อปีก่อน ที่ดินก็ยังรกร้างอยู่เดิมๆ ด้วยไม่มีความรู้หรือประสบการณ์การทำการเกษตรมาก่อน
เพียงความสนใจในวิถีแบบพอเพียงเท่านั้นที่กระตุ้นให้ตัวเองจัดการถากถางที่ดินห้าไร่ ด้วยสองมือเปล่า กับเงินลงทุนไม่มากนัก
ผ่านไปหนึงปีเต็ม เมื่อเริ่มลงมือ ภาพเป็นจริงก็ปรากฏ แม้นิดน้อย แต่อิ่มเอมในรู้สึกยิ่งนัก
กระท่อมพักผ่อน ทำเองโดยไม่มีความรู้ใดๆ กับแปลงผักที่ทำตามใจอยากทำ
มะเขือเปราะ พืชพันธุ์อย่างแรกๆ ที่ลงมือปลูกและเติบโตเห็นผล
จากนั้นก็ทดลองปลูกข้าวโพด ขุดหลุมหยอดเมล็ด ฝนจากฟ้ารดน้ำให้ตามธรรมชาติ ข้าวโพดก็โตตามธรรมชาติ
มองดูการเติบโตไปตามวัยของต้นข้าวโพด เมื่อผ่านเวลาไปหนึ่งเดือน
มิตรสหายส่งปุ๋ยมูลค้างคาวมาให้ลองใช้ เพราะรู้ว่าทำเกษตรอินทรีย์
วิถีชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้นนี้ ยังต้องเรียนรู้อีกมากมาย ต้องลงมือทำ ศึกษาความเป็นไปของธรรมชาติ
เมื่อไม่มุ่งหวังเป็นการค้าหรือผลกำไร ชีวิตก็ดำเนินไปโดยไม่กังวลกับผลตอบแทน
มองดูที่ดิน พืชพันธุ์ กับความสงบเย็นในใจ ....
@hemingwun's farm /บ้านท่าสนามทอง วังดาล กบินทร์บุรี
ขบวนรถไฟนำพากายและใจของผมโยกย้ายจากถิ่นฐานอันคุ้นเคย มาสู่ถิ่นฐานที่ผมเคยคุ้นเคย มองดูทิวทัศน์สองข้างทางระหว่างที่รถไฟแล่นผ่าน ในความรู้สึกตอนนั้น ราวกับตัวเองย้อนกลับไปสู่วันวัยเยาว์ ภาพสองข้างทางแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย กว่าสี่สิบปีคราวนั้น เด็กชายจอมซนคนนั้น บัดนี้ถูกความชราเข้าครอบคลุมจนไม่เหลือรอย เพียงภาพแห่งทรงจำเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ แม้จะพร่าเลือนลงไป แต่เมื่อสัมผัสกับบรรยากาศแห่งท้องนา เรือกสวน กลิ่นดินโคลน ภาพที่เคยพร่าเลือนเหล่านั้น ก็กลับแจ่มชัดขึ้นทีละน้อย
นั่นคือความรู้สึกครั้งแรกที่ผมเดินทางมาถึงกบินทร์บุรี หลังจากที่ห่างหายไปตั้งแต่วัยเยาว์จากจร ชีวิตที่ยิ่งกว่านวนิยาย พาผมล่องไหลไปทั่ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิด เล่นตลกกับชีวิตผมจนปะติดปะต่อเนื้อเรื่องไม่ถูก แทบไม่อยากจะเชื่อว่า อยู่ๆ ผมจะได้เป็นเจ้าของที่ดิน ผมคิด ขณะนั้น ผมจะทำอะไรกับที่ดินที่ได้รับมรดกมาจากปู่กับย่า การเกษตรนั่นหรือ สำหรับผมแล้ว เพียงรับรู้มาจากหนังสือหรือไม่ก็ในโทรทัศน์เท่านั้น
ที่ดินกว่าห้าไร่ที่ผมเห็นครั้งแรก รกครึ้มไปด้วยแมกไม้เบญจพรรณ ทั้งมะค่าแต้ กระบก หวาย ไผ่ สะเดา ไม้เต็ง ไม้แดง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเข้าไปผจญภัยในป่าดงดิบ มากกว่าจะเริ่มต้นทำสวนทำไร่ เหมือนว่าสายเลือดเกษตรกรจากบรรพบุรุษ ไม่ได้ไหลผ่านในกายผมเลย ตอนนั้น ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
(ภาพแรกของที่ดิน เมื่อเข้าไปสัมผัสใหม่ๆ)
นานทีเดียวกับการที่ผมเฝ้าดูที่ดินของตัวเอง ต้นไม้รกครึ้มเช่นไร ก็ยังคงรกครึ้มอยู่เช่นนั้น ผมจะทำอะไรดีกับที่ดินผืนนี้ หรือจะขายเพื่อเปลี่ยนเป็นทุน แล้วไปทำอย่างอื่นที่ถนัดกว่า แต่ก็เหมือนมีอะไรดลใจ ให้ผมล้มเลิกเรื่องการขายที่ดิน เมื่อจู่ๆ ความคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ค่อยๆ ผุดพรายขึ้นในสำนึก ถ้อยดำรัสของพระองค์เริ่มชัดก้องในรู้สึกขึ้นเรื่อยๆ จนราวกับเป็นมนตราให้ผมท่องบ่นจนขึ้นใจ “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” ไม่นานจากนั้น ก้าวแรกของผมก็ปรากฏร่องรอย
ผมตัดสินใจตัดไม้ในที่ดิน โดยให้คนตัดไม้เป็นคนรับซื้อไม้ด้วย หลังจากตกลงราคากันได้ก็เริ่มงาน ราวๆ สองเดือน ที่ดินที่รกครึ้มก็โล่งเรียบ ผมได้ที่ดินทำสวนและยังได้เงินทุนจากการขายไม้มาทำกิจการอีกด้วย และเมื่อก้าวแรกได้เริ่มแล้ว ก้าวที่สองก็จะตามมาเอง
(ภาพคนงานตัดไม้ ที่ผมจ้างมาตัดและรับซื้อไม้)
............
จักรยานเสือภูเขา พาผมลัดเลาะไปมาในหมู่บ้าน ผมปั่นสำรวจดูท้องถิ่นที่อยู่ บทเพลงฝนเดือนหกของรุ่งเพชร แหลมสิงห์ ดังก้องในอารมณ์ของผม นั่นคือช่วง หลังจากย้ายภูมิลำเนามาปักหลักยังถิ่นฐานบ้านนา กบินทร์บุรี ผมชอบชื่อหมู่บ้านที่ผมได้อยู่ “บ้านท่าสนามทอง” เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า “โคกกระแต” ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อครั้งที่ปู่ของผมยังเป็นหนุ่ม ท่านได้ถากถางป่าแถบนี้จนกลายเป็นที่นา และวันหนึ่ง ท่านได้มองไปยังท้องนาของท่าน แล้วเห็นแสงสีทองทาบทาในที่นา ท่านจึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ และกลายเป็นชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา ว่า “บ้านท่าสนามทอง” บ้านที่ผมจะเริ่มต้นชีวิตอย่างที่ผมตามหา ได้ผูกพันกับธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาสามัญ ชื่นกับความพอเพียงในจิตวิญญาณ
(ป้ายหน้าหมู่บ้าน ทางการมาติดให้ในวันที่ผมเอาตอไม้ออก ราวกับรอต้อนรับเกษตรกรมือใหม่)
หลังจากจัดการกับแมกไม้ในที่ดิน ผมก็พบว่า นี่คือทุนทรัพย์ที่ปู่และย่ามอบให้ เพราะจากการตัดไม้ขาย ผมก็ได้เงินทุนมาจัดการเกี่ยวกับที่ดินได้พอสมควร ชีวิตที่ไม่เคยมีเงินออมก็กลับมีขึ้นมาโดยพลัน เอาล่ะ ผมจะต้องเพิ่มพูนทุนทรัพย์ ทรัพย์ในผืนดินแห่งนี้ จะต้องงอกเงยเป็นจริงในสักวัน ผมไม่ได้ปรารถนาความร่ำรวย ทรัพย์ในดินที่ว่านี้ ผมหมายถึง ความงอกงามแห่งพืชพันธุ์ที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตผมได้อย่างยั่งยืน ผมบอกกับตัวเองว่า ความร่ำรวยที่แท้นั้น คือการพึ่งพาตัวเองได้อย่างรื่นรมย์ในชีวิต นี่คือสิ่งที่ผมจะต้องสร้างสรรค์ให้กับชีวิตของตัวเองให้ได้
(จักรยานเสือภูเขา พาหนะประจำตัวของผม คันนี้เป็นคันที่สอง คันแรกโดยขโมย ไว้จะเล่าให้ฟังในอีกตอน)
ผมพิจารณาดูแล้วว่า สิ่งใดที่ทำได้ด้วยตัวเอง สิ่งนั้นผมจะลงมือทำทันที ทำแบบเรื่อยๆ ไม่รีบเร่งนัก แต่สิ่งใดที่ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองหรือขาดอุปกรณ์เครื่องมือ ก็พิจารณาดูว่าควรจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ จึงจะพอเหมาะ หลังจากตัดไม้แล้ว ผมคิดว่าคงจะลงมือปลูกพืชพันธุ์ได้ทันที แต่เปล่าเลย ตอไม้ขนาดใหญ่ที่เกิดจากการตัดไม้ คืออุปสรรคที่ทำให้ผมไม่สามารถปรับแต่งที่ดินได้ ผมจมอยู่กับปัญหาอยู่หลายวัน แต่ด้วยกำลังใจที่ส่งมา ผมจึงค่อยๆ ทบทวน แล้วไถ่ถามผู้รู้ แล้วจึงคิดได้ว่า คงต้องจ้างคนมาขุดถอนตอ เอาเฉพาะตอใหญ่ๆ ที่เหลือก็ด้วยแรงกายของตัวเอง แล้วก้าวที่สองของผมก็เริ่มต้น และนับเป็นโชคดีของผมตรงที่ ตอไม้เหล่านั้นที่ผมจ้างคนมาขุดออก สามารถทำรายได้ให้ผมได้อีก
(งานใหญ่อีกงานหลังจากตัดต้นไม้ออก จำเป็นต้องจ้างรถแบคโฮมาขุดถอนออก)
(โชคดีที่ได้ทุนจากการขายไม้ แต่ก็ประหยัดงบด้วยการให้รถขุดแต่ตอใหญ่ๆ ที่เหลือ ต้องสู้ด้วยแรงกายตัวเอง)
(เป็นเวลาเดือนเศษๆ ที่ผมขุดถอนเอาตอเล็กๆ และเศษไม้ออกด้วยแรงงานตัวเอง ที่ดินจึงเริ่มทำแปลงเพาะปลูกได้)
หลังจากจัดการเอาตอไม้ใหญ่ๆ ออกไปแล้ว ราวๆ หนึ่งเดือนเศษๆ ผมก็สามารถขุดถอนตอเล็กๆในที่ออกไปได้ แม้ไม่หมด แต่ก็ทำให้ที่ดินโล่งเรียบขึ้นอีกเยอะ ผมมองดูผืนดินที่เรียบโล่ง นึกถึงภาพรกร้างก่อนหน้า แม้บางทีจะรู้สึกผิดกับการตัดไม้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ผมก็ทำประโยชน์ใดๆ ไม่ได้ การจะได้อะไรมา ย่อมต้องแลกเปลี่ยนกับการเสียไปเสมอ เมื่อตัดใจได้ ผมก็เลิกกังวล เริ่มต้นทำแปลงเพาะปลูกอย่างตั้งใจต่อไป ปัญหาที่ตามมาก็คือ ผมจะปลูกอะไร เพื่ออะไร แล้วมันจะสำเร็จหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องสะสางด้วยตัวของตัวเองทั้งหมด ผมคิดถึงบรรพบุรุษที่เก็บรักษาทรัพย์สมบัติไว้ให้ แล้วพนมมือขอบพระคุณ ระลึกถึงบุญคุณของท่าน เอื้อมมือสัมผัสเนื้อดิน กลิ่นดินโชยเข้าจมูก หอมหวนยิ่งนัก
…………….
สายฝนหลั่งรินลงมาตั้งแต่ช่วงเช้า ผมยิ้มกับตัวเองลำพัง พลางนึกถึงภาพผืนดินที่ตัวเองถากถางกับแปลงผักสวนครัวที่เริ่มปรากฏขึ้นมา แม้จะดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับพื้นที่ห้าไร่ แต่เมื่อคิดว่า นี่คือการเริ่มต้น และเป็นการเริ่มต้นจากที่ไม่มีอะไรเลย เพียงแปลงโหระพา แมงลัก มะเขือม่วงและ มะเขือเปราะ เท่านี้ก็ทำให้ผมอุ่นใจได้เนิ่นนาน แล้วนิ่งมองสายฝนต่อ ปล่อยอารมณ์เคลิ้มคล้อยไปกับสายน้ำจากฟ้าที่หยาดริน
(ทางหลวงชนบท ปจ.4013 หน้าทางเข้าที่ดิน ในวันที่ฝนตก ช่วงเริ่มต้นทำแปลง)
ก่อนหน้านี้ผมกังวลกับการเริ่มต้นลงมือ คิดไม่ออกว่าจะทำสิ่งใดก่อนหลัง หวั่นกับการล้มเหลวผิดพลาด ใจอยากจะรับผลสำเร็จแต่ถ่ายเดียว จนได้คาถาวิเศษจากหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” ผมก็พบทางออก มองเห็นแสงสว่างนำทาง ที่ดินห้าไร่ที่รกร้าง บัดนี้ มีแปลงผักงอกงามขึ้นมาแล้ว
(เริ่มต้นลงมือในวันแรกๆ)
(ลองผิดลองถูกกับการทำแปลงอยู่นาน)
(ถากถางปรับปรุงกว่าจะทำได้เป็นรูปร่าง)
แต่กว่าที่ผมจะทำแปลงผักขึ้นมาได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยไปหลายวัน ด้วยเพราะไม่มีทักษะใดๆ ทำแล้วทำอีก ก็ยังไม่เห็นเป็นแปลงเหมือนกับที่เคยดูๆ มา เทียวขุดเทียวกลบอยู่นาน ก็ยังเป็นเพียงร่องดินที่ไม่สม่ำเสมอ บางคราวก็ดูเล็กและราบแบนเกินไป บางคราวก็ดูโย้เย้ไม่ตรงแนว ผมถอดใจอยู่หลายหน จนที่สุดก็วางมือ ก่อนจะค่อยๆ รวบรวมสติขึ้นอีกครั้ง พยายามลบภาพแห่งผลสำเร็จที่เคยคาดไว้ บังคับใจตัวเองให้ลืมเป้าหมายให้หมด แล้วลงมือทำงานต่อไปอย่างไม่หวังผล ค่อยๆ ขีดเส้นวางแนว กะระยะสั้นยาวให้พอเหมาะ อันไหนที่จนปัญญาจริงๆ ก็กลับมาศึกษาวิธีการทำแปลงของพืชผักแต่ละชนิด จากหนังสือบ้าง ในอินเตอร์เน็ตบ้าง พอได้แนวทาง ก็กลับมาจัดส่วนในพื้นที่ ขีดวัดเส้นแนวของแปลงให้เป็นระเบียบ ราวๆ หนึ่งสัปดาห์ ผมก็ได้แปลงโหระพา แมงลัก มะเขือเปราะ มะเขือม่วง และพร้อมๆ กันนั้น สายฝนก็หลั่งเทลงมา ราวกับต้อนรับสมาชิกใหม่ที่จะเติบโตงอกงามประดับดิน
(แปลงมะเขือที่เพาะไว้ งอกงามเพราะฝนดี)
(โหระพาและแมงลัก ช่วงฝนลงมาใหม่)
จักรยานเสือภูเขายังคงเป็นพาหนะที่สำคัญในชีวิตของผม ผมมีจักรยานเป็นเพื่อนคู่ใจสำหรับการเดินทางไปไหนมาไหนในหมู่บ้าน เพียงการเดินทางไปหาซื้อเม็ดพันธุ์เท่านั้น ที่ต้องอาศัยรถไฟ แต่ก็โชคดี ที่มีที่หยุดรถ(สถานีย่อย) ใกล้ๆ หมู่บ้าน ผมจึงสามารถเดินเท้ามาขึ้นรถไฟได้สบายๆ ผมชอบเดินซื้อของที่ตลาดกบินทร์ สภาพของตลาดไม่แตกต่างไปเลยจากที่ผมเคยเห็นเมื่อยังเป็นเด็ก รู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปอยู่ในฉากของภาพยนตร์ไทยในอดีต ให้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ยามที่มาตลาดกบินทร์ เมล็ดพันธุ์ของผมส่วนใหญ่มาจากตลาดแห่งนี้ บางทีในอนาคต ผมอาจได้นำพืชพันธุ์มาขายที่ตลาดแห่งนี้ก็เป็นได้
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ตรงที่สายฝนตกลงมาอย่างสม่ำเสมอ นั่นเป็นผลให้พืชพันธุ์ของผมงอกงามเป็นอย่างดี กาลเวลาผ่านไปไม่นานนัก โหระพา แมงลัก และเหล่ามะเขือม่วง มะเขือเปราะ ก็ให้ผลผลิตแก่ผม และมันมากเกินไปสำหรับการบริโภค ผมคงต้องนำออกไปขายเสียบ้าง
(โหระพาก็งอกงาม)
(มากเข้าก็เอาไปขาย)
ด้วยการที่ผมเทียวปั่นจักรยานไปนู่นมานี่ในหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ จึงทำให้ผมรู้ว่าบ้านไหนรับซื้อผลิตผลเหล่านี้ แม้จะได้ราคาไม่สูง แต่ก็ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีสำหรับมือใหม่เริ่มต้นอย่างผม เงินหลักร้อยกับการลงทุนเพียงแรงงานของตัวเองและค่าเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อจากตลาดไม่เท่าไหร่ เท่านี้ก็ถือเป็นกำไรมากแล้ว ที่สำคัญคือ ความภาคภูมิใจจากผลผลิตของตัวเอง ที่เพาะปลูกด้วยตัวเองคนเดียว เติบโตงอกงามจนสามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น ผมยิ้มอยู่นานกับเงินร้อยแรกที่ได้รับจากการขายผัก มันไม่ใช่ความสุข แต่มันคือความสงบเย็น เป็นความรู้สึกดีแห่งชีวิต ผมรับรู้ถึงอิสรภาพภายใน แหงนหน้ามองฟ้า แล้วก้มหน้าดูดิน ผมมองเห็นแล้วว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร และจะทำอะไรต่อไป ความสำเร็จไม่ใช่เป้าหมายของผม การลงมือทำจริงๆ ต่างหาก ที่จะนำพาความสำเร็จมาสู่ชีวิตของผม และถ้อยคำของในหลวง “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” จะยังคงเป็นคาถาวิเศษของผม ตราบนานเท่านาน
………………….
ยามว่างจากเวรเริ่มพัฒนาที่ดินที่รกด้วยหญ้ามาปลูกต้นไม้ปลูกผัก
ปลูกพันธ์ไม้ลงเริ่มขุดแปลงผัก
สร้างเล้าไก่เพื่อจะเลี้ยงไก่
ว่านผักลงไปเพิ่งจิเริ่มแตกต้นขึ้นมา
ปลูกกระท่อมน้อยไว้พักเวลามาทำเกษตรในสวน ทำไปเรื่อยช่วงเวลาว่างจากงานหลัก
นักศึกษาราชภัฎฯมาปฏิบัติการทำสบู่สมุนไพล...จุลินทรีย์ท้องถิ่นเพื่อทำน้ำยาอเนกประสงค์...และมูลไก่แปรรูป
ใช้สดๆ
เก็บกันสดๆ
ต้องรู้ถึงส่วนประกอบของสบู่ด้วยทำด้วย
ใส่พิม
เสร็จสบู่ล้างหน้าสมุนไพล
ใบเตยหอม
เห็ดนางนวล..มะนาว
ใช้ความหวานในการสกัดสารอาหารออกมา
รู้จักเครื่องจักรผลิตปุ๋ยจากธรรมชาติกันก่อน
ลงมือลุยกันเลยยยยย
รดน้ำให้ความชื้นเสร็จเรียบร้อย
หลังจากเสร็จก็ตามธรรมเนียม..เอาไข่ไก่ปลอดสารไปไว้กิน
ขอบคุณ บ้านสวนพอเพียง แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง ........
นานเหมือนกันที่ไม่ได้เข้ามาในบ้านสวนเพียงแห่งนี้ เพราะมีภารกิจหลายอย่าง ความคิดที่จะปลูกผักทำสวนจึงต้องพักไว้ก่อน .... วันนี้จะเริ่มต้นอีกครั้ง จึงได้ปรับพื้นที่เล็กๆ หลังบ้าน แต่ยังไม่รู้เลยครับว่าจะปลูกอะไรดี
ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมเริ่มทำนาเอง ที่ผ่านมาจะให้คนอื่นเช่าทำ ชาวนาสมัครเล่นอย่างผม มีเวลาแค่วันหยุดเท่านั้น วันนี้มาหว่านปุ๋ยและถอนหญ้า (จ้าง)
ต้นข้าวดูแคระแกรนมาก เพราะหลังจากหว่านข้าวเสร็จ ฝนก็ทิ้งช่วงเพิ่งเริ่มตกในช่วงเดือนนี้เอง นานๆ ได้ออกสู่ท้องทุ่งสูดอากาศบริสุทธิ์ เห็นหลานๆ วิ่งไล่จับแมลงปอ และเล่นน้ำ (โคลน) ทำให้คิดถึงชีวิตในวัยเด็กจริงๆ
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมกลับมาอยู่บ้าน พื้นที่หน้าบ้านประมาณ 1 ไร่ พ่อได้เปลียนสภาพจากป่ารก เป็นสวนยางไปแล้ว เนื่องจากขนะนั้นยางพาราราคาดี ผมกลับบ้านมาพร้อมข้อมูลเต็มหัวว่าวันข้างหน้ายางพาราราคาตกแน่นอน หน้าที่ของผมก็คือทำให้มันเป็นมากกว่าสวนยาง นั่นก็คือป่ายาง เริ่มแรกด้วยการเอาผักเหมียงมาปลูกระหว่างยาง ดังบล็อก http://www.bansuanporpeang.com/node/262และ http://www.bansuanporpeang.com/node/341นอกจากนั้นก็หาไม้ยืนต้นมาปลูกรอบๆ แปลงตามแนวเขตแดน อะไรที่หามาปลูกได้ก็ยัดๆ เข้าไปในพื้นที่ 1 ไร่นั้น
ณ วันนี้ ผักเมียงเต็มร่องยาง
มะพร้าวก็มี
มะฮอกกานีตามแนวเขตแดน
พร้อมสละอินโด
สละอินโด ที่พี่เสินให้มา ต้นนี้งามที่สุด
นอกจากมะฮอกกานีแล้ว ยางนา คะเคียนทอง กฤษณา ก็มี
สำหรับสวนยางอีกแปลงผมต้องการให้เป็นป่ายางธรรมชาติ นั่นคือรกตามธรรมชาติ อะไรจะขึ้นก็ให้มันขึ้นไป เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและให้เกิดปุ๋ยตามธรรมชาติของมันเอง ได้กินผลไม้ป่าบ้าง ได้เห็นพันธุ์ไม้แปลก ๆบ้าง และที่สำคัญนานๆ ไปผมได้ไม้มาเผาถ่านผมก็ดีใจแล้ว
อันนี้แหละที่เขายกให้ว่าผมบ้า
บ้าก็บ้าครับ แล้วก็จะบ้าต่อไป
มาดูสวนยางพาราที่อยู่ติดกันกับผมบ้าง ที่เตียนโล่งเป็นของเพื่อนบ้านสวนติดกัน
ที่เห็นรกๆ ด้านหลังเป็นสวนยางผมเอง
อีก 10 ปีสวนยางนี้ก็เตียนอยู่แบบนี้ แต่อีก 10 ปีสวนผมมีไม้ให้เผาถ่าน
ที่เล่ามาทั้งหมดเนื่องจากว่า ผมได้รับการติดต่อจากหน่วยงานราชการ จะพาชาวบ้านต่างอำเภอ 40 คนมาดูป่ายางผม รวมถึงสวนผสม ในวันศุกร์นี้ เหตุจากยางพาราราคาตกต่ำ คงจะเอาชาวบ้านมาเปลี่ยนแนวความคิดว่า สวนยางก็ปลูกพืชแซมได้ เพื่อเป็นรายได้เสริม เพราะถ้าหวังยางพาราอย่างเดียวคงแย่แล้ว ผมก็มีให้ดูงานแค่นี้แหละ ส่วนคนมาดูงานรับรองได้ว่าเห็นไม่เท่ากัน เห็นไม่เหมือนกันแน่นอน